ฎีกาตัดสินเกี่ยวกับปัญหาข้อ กฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3578/2549 (ฉบับย่อ)
บริษัท สหพันธ์ลิขสิทธิ์เพลงไทย จำกัดโจทก์
บริษัท ป. เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัดจำเลย

พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31

        โจทก์เป็นผู้รับมอบอำนาจจาก ป. ให้จัดเก็บค่าตอบแทนการนำเพลงอันมีลิขสิทธิ์ของ ป. ออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน ผู้ที่ประสงค์จะนำเพลงอันมีลิขสิทธิ์ของ ป. ออกเผยแพร่ต้องได้รับอนุญาตจากโจทก์ก่อน การที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยนำเอาเพลง "รักสาวผมแดง" อันเป็นงานดนตรีกรรมซึ่ง ป. เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ออกให้ปรากฏซึ่งดนตรีและคำร้อง ที่หน้าจอเครื่องรับโทรทัศน์ภายในห้องคาราโอเกะในร้าน ป. กุ้งเผาของจำเลยเพื่อให้บริการ อันเป็นการนำงานดนตรีกรรมอันมีลิขสิทธิ์ออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์นั้น จากการบรรยายฟ้องและหนังสือมอบอำนาจ เห็นได้ชัดว่าโจทก์เป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจ จัดเก็บค่าตอบแทนการใช้สิทธิในลิขสิทธิ์ และดำเนินคดีแก่ผู้กระทำละเมิดลิขสิทธิ์ในงานดนตรีกรรมเพลง "รักสาวผมแดง" หรือในงานโสตทัศนวัสดุ ที่บันทึกเสียงดนตรีและคำร้องเพลงดังกล่าว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ในนามตนเอง ทั้งการกระทำของจำเลย ที่นำเพลงดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน เพื่อการค้าหากำไรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ ย่อมไม่เป็นความผิดตามฟ้องเช่นกัน


        โจทก์ ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 27, 31, 69, 70, 75 วรรคท้าย, 76 ขอให้ศาลสั่งริบบรรดาสิ่งที่ใช้ในการกระทำผิด และให้สั่งจ่ายค่าปรับแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ครึ่งหนึ่ง
        ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีของโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
        โจทก์ อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
        ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 โดยการนำเพลง "รักสาวผมแดง" อันเป็นงานดนตรีกรรมซึ่งนายปัญญาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ออกให้ปรากฏซึ่งดนตรีและคำร้องที่หน้าจอเครื่องรับโทรทัศน์ ภายในห้องคาราโอเกะในร้านอาหาร ป. กุ้งเผา ของจำเลย เพื่อให้บริการแก่นายอธิจักรลูกค้าของร้าน อันเป็นการนำงานดนตรีกรรมอันมีลิขสิทธิ์ออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากนายปัญญา ให้จัดเก็บค่าตอบแทนการนำเพลงอันมีลิขสิทธิ์นั้นออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนเพื่อการค้าแทน โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายในงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทดนตรีกรรม โดยการเป็นตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจ เห็นว่าตามคำฟ้อง โจทก์กล่าวอ้างว่า โจทก์เป็นผู้รับมอบอำนาจจากนายปัญญา ให้จัดเก็บค่าตอบแทนการนำเพลงอันมีลิขสิทธิ์ของนายปัญญา ออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน ผู้ที่ประสงค์จะนำเพลงอันมีลิขสิทธิ์ของนายปัญญา ออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน ต้องได้รับอนุญาตจากโจทก์ก่อน โดยตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 3 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง ได้ความว่า นายปัญญาได้มอบอำนาจให้โจทก์กระทำการแทน และหรือเป็นตัวแทนในกิจการดังต่อไปนี้ ข้อ 1 "แจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษ ดำเนินคดีกับบุคคลหรือนิติบุคคล เพื่อดำเนินคดีในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ โดยการทำซ้ำ ดัดแปลงและเผยแพร่ต่อสาธารณชน เพื่อประโยชน์ทางการค้าหากำไรซึ่งงานสร้างสรรค์ดนตรีกรรม บทประพันธ์ เนื้อร้องและทำนอง สิ่งบันทึกเสียงและโสตทัศนวัสดุ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537" ข้อ 2 "ให้มีอำนาจประนีประนอมยอมความ ถอนคำร้องทุกข์ การถอนฟ้อง การรับเงินค่าเสียหาย การให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และมอบคดีให้กับพนักงานสอบสวน และดำเนินคดีชั้นอัยการและศาลได้ ตลอดจนให้ผู้รับมอบอำนาจลงนามรับรองสำเนาเอกสารแทนข้าพเจ้า (นายปัญญา) และรับรองสำเนาเอกสารแนบท้ายหนังสือมอบอำนาจของผู้มอบอำนาจ" ข้อ 3 "ให้มีอำนาจเป็นผู้จัดเก็บเผยแพร่ลิขสิทธิ์ ในงานสร้างสรรค์ดนตรีกรรมต่อสาธารณชนเพื่อการค้าหากำไร และให้มีอำนาจดำเนินคดีกับบุคคลหรือนิติบุคคล ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ในการนำงานสร้างสรรค์ดนตรีกรรมออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน เพื่อการค้าหากำไรแทนผู้มอบอำนาจ และข้อ 4 "ให้มีอำนาจมอบอำนาจช่วง แต่งตั้งตัวแทน หรือแต่งตั้งทนายคนเดียวหรือหลายคนก็ได้" จากการบรรยายฟ้องและเอกสารท้ายคำฟ้องดังกล่าว เห็นได้ชัดว่า โจทก์เป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจ จัดเก็บค่าตอบแทนการใช้สิทธิในลิขสิทธิ์ และดำเนินคดีแก่ผู้กระทำละเมิดลิขสิทธิ์ ของนายปัญญาเจ้าของลิขสิทธิ์ แทนนายปัญญาเท่านั้น แต่โจทก์ไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ในงานดนตรีกรรมเพลง "รักสาวผมแดง" หรือในงานโสตทัศนวัสดุที่บันทึกเสียงดนตรีและคำร้องเพลงดังกล่าว โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ในนามตนเอง ทั้งการกระทำของจำเลยที่นำเพลง "รักสาวผมแดง" ไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนเพื่อการค้าหากำไร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ ย่อมไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ดังนั้น ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
        พิพากษายืน.

        ( เกรียงชัย จึงจตุรพิธ - สุวัฒน์ วรรธนะหทัย - ปัญญารัตน์ วิระยะวานิช )

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง - นางถวิลวงศ์ จิตร์วิวัฒน์

เผยแพร่โดย http://www.enkaraoke.com